ความหมายของ Windows 7
Windows 7 คือ ระบบปฏิบัติการรุ่นต่อไปที่ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาขึ้นมา
ดูเหมือนว่าจะเป็นการต่อยอดจาก Windows Vista เสียมากกว่า
เพราะแทบจะไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนมากนัก ผู้ใช้หลายคนลงความเห็นว่ามันเป็น Vista Minor Change เท่านั้นเอง Windows
7 นั้น
ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับโน้ตบุ๊กและพีซีโดยเฉพาะ
ส่วนใครจะเอาไปติดตั้งลงเครื่องแมคก็ไม่ใช่เรื่องที่ ผิดแต่อย่างใด
ไปห่วงว่าจะมีไดรเวอร์ออกมารองรับหรือไม่จะดีกว่าครั บ ส่วนวันจำหน่ายจริงๆ
นั้นยังไม่ได้มีการเปิดเผยไว้แน่นอน รวมถึงเรื่องคุณสมบัติของตัว Windows 7 เอง
ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้มากน้อยแค่ไหน
ไม่แน่นะครับวันเปิดตัวอาจจะมีฟีเจอร์เด็ดๆ
ที่ถูกซ่อนเอาไว้เปิดเผยมาให้เราตกใจกันก็ได้
ในปัจจุบันมีรุ่นทดสอบที่ยังไม่สมบูรณ์เปิดให้ผู้ใช้
งานได้ดาวน์โหลดฟรีทดลองใช้ ไมโครซอฟท์ได้มีการประกาศเปิดตัววินโดวส์ 7 ในช่วงปี
พ.ศ. 2550 ว่าการพัฒนาวินโดวส์ตัวนี้จะใช้เวลาสามปีให้หลังจากก
ารวางจำหน่ายวินโดวส์ วิสตา
คุณสมบัติใหม่ของวินโดวส์ตัวนี้จะมีจุดเด่นในส่วนของ
รองรับระบบมัลติทัช มีการออกแบบวินโดวส์เชลล์ใหม่
และระบบเน็ตเวิร์กแบบใหม่ภายใต้ชื่อโฮมกรุ๊ป (Home Group) ในขณะที่คุณสมบัติหลายส่วนในวินโดวส์รุ่นก่อนหน้าจะถ
ูกนำออกไปได้แก่ วินโดวส์มูฟวีเมเกอร์ และ วินโดวส์โฟโตแกลเลอรีรุ่นทดสอบล่าสุดคือรุ่น
6.1.7000 ออกให้ทดสอบเมื่อ 7 มกราคม พ.ศ. 2552 20 วัน ที่ผ่านมา
สรุป Windows
7
ของเล่นใหม่เพียบ มีทั้งดีและไม่ดี แต่ยังไงก็คงต้องปรับปรุงอีก
แต่ถามว่าผิดหวังไหม ไม่น่าผิดหวังเท่ากับ Beta Vista ตอนนั้นอยากจะเผาทิ้ง
เพราะทั้งช้าและไม่เถียร แต่สำหรับ Windows 7 7000 นี้
ใช้ได้ ไม่เหมือน Vista ช่วงแรกๆ
ประวัติ Windows 7
ตั้งแต่ Windows รุ่นแรก (1.0) นั้น ถ้าลองนับดูเล่นๆ ไมโครซอฟท์มีระบบปฏิบัติการณ์ Windows
มาแล้วไม่ตำกว่า 10 รุ่นครับ แต่ทำไม Windows
รุ่นนี้ซึ่งน่าจะชื่อว่า
Windows 11 หรือ Windows 12 หรือ Windows 2009 ก็ว่ากันไป แต่ทำไมกลับมาชื่อ Windows
7
ทางทีมผู้สร้าง Windows เค้าให้คำตอบไว้แบบนี้ครับ
รุ่นแรก ถึงรุ่นที่สาม คือ Windows 1.0 – 3.0 ตามลำดับ *
รุ่นที่สี่ ได้แก่ Windows 95 (4.0) , 98 (4.0.1998) , Me (4.90.3000)
รุ่นที่ห้า ได้แก่ Windows 2000 (5.0) และ Windows
XP (5.1)
รุ่นที่หก Windows Vista (6.0)
และรุ่นที่เจ็ดก็คือ Windows 7 (6.1)
* Windows
1.0 – 3.1 ยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการเต็มตัวครับ เป็นเพียงโปรแกรมที่ทำงานบนดอส
หลายคนดูแล้วก็คงจะยังงงๆ ว่ารหัส
6.1 แต่ทำไมชื่อ 7 ทำไมไม่ชื่อ Windows 6.1
เอาเป็นว่าอย่าไปคิดมากครับ ปล่อยๆ มันไป
ที่ตั้งชื่อว่า Windows 7
ก็คงเพราะเหตุผลหลายๆ ประการ เช่น 7 (Seven) อาจฟังไพเราะกว่า
6 (Six) อะไรประมาณนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของชื่อ Windows 7 คลิก
มีอะไรใหม่ใน Windows 7
นับตั้งแต่ Windows 95 ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักกับ Windows มาจนถึง Windows XP ที่มาพร้อมกับหน้าตาที่สวยงาม
และเป็นระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้มากที่สุด ในปัจจุบันและขณะนี้ก็ถึงเวลาของ Windows 7 ที่จะมาพร้อมกับการยกเครื่องครั้งใหญ่ของ Windows โดยสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดคือ
หน้าตาที่ทันสมัย เปลี่ยนไปจาก Windows รุ่นก่อนๆ อย่างมาก โปรแกรมต่างๆ ที่มาพร้อมกับตัว Windows ที่ดูจะมีประโยชน์มากกว่า Windows รุ่นที่ผ่านๆ มา ด้านประสิทธิภาพ
และความเสถียรในการใช้งานสูงกว่า Windows รุ่นก่อนๆ มาก
รวมถึงความสามารถใหม่ๆ อย่าง
Windows XP
Mode, Aero Peek, Aero Snap และอื่นๆ อีกมากมายที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน Windows 7 ที่เมื่อใช้แล้วรู้สึกได้ถึงความสะดวก
และเป็นมิตรต่อผู้ใช้อย่างมากครับ
รุ่น ต่างๆ ของ
Windows 7
รุ่น ต่างๆ ของ
Windows 7
ไมโครซอฟท์ได้ทำการแบ่งรุ่นต่างๆ ของ
Windows 7 ออกเป็น 6 รุ่นย่อยๆ
ครับ แต่ที่จะมีวางขายสำหรับผู้ใช้ทั่วๆ ไปจะมีแค่ 3 รุ่นเท่านั้น
ได้แก่ Home Premium, Professional และ Ultimate
ส่วนรุ่นอื่นๆ
ที่ไม่ได้วางขายจะมีสำหรับผู้ใช้อื่นๆ เช่น ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง เป็นต้น
สำหรับ Windows 7 ทั้ง 6
รุ่นก็มีดังนี้ครับ
Windows 7 Starter รุ่นเล็กสุด
มีฟีเจอร์การท างานน้อยสุด เหมาะส าหรับเล่นเน็ต เช็คอีเมลล์ รุ่นนี้ไม่มีวางขาย
แต่จะติดตั้งมาพร้อมกับ Netbook เท่านั้นครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม Windows 7 Starter คลิก
Windows 7 Home Basic รุ่นนี้ไม่มีวางขาย แต่จะติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องใหม่ๆ เท่านั้น
และจะมีเฉพาะในบางประเทศเท่านั้นครับ
Windows 7 Home Premium เป็นรุ่นเล็กสุดที่มีวางขายแบบกล่องทั่วโลก
มาพร้อมกับความสามารถด้านมัลติมีเดียครบครัน สำหรับผู้ใช้ทั่วไปเพียงรุ่นนี้ก็เพียงพอแล้วครับ
Windows 7 Professional รุ่นนี้ฟีเจอร์ทั่วไปไม่แตกต่างจากรุ่น
Home Premium เท่าไรนัก ที่เพิ่มเข้ามาคือสามารถใช้ Windows XP Mode ได้ครับ
Windows 7 Ultimate เชื่อว่าหลายคนคงได้ลองใช้กันมาบ้างแล้ว
เป็นรุ่นใหญ่สุดของ Windows 7 ที่เพิ่มคุณสมบัติอย่าง
Bitlocker และสามารถเปลี่ยน UI เป็นภาษาต่างๆ ได้ครับ
Windows 7
Enterprise รุ่นนี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากรุ่น Ultimate ครับ
แต่จะมีขายสำหรับองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น
การติดตั้ง Windows
7 RC
การติดตั้ง Windows 7 RC (Build 7100) นั้น จะคล้ายๆ กันกับการติดตั้ง Windows 7 Beta (Build 7000) โดยในการทดลองนี้จะติดตั้งบนเครื่องเวอร์ชวลคอมพิวเตอร์ที่รันบน
SUN VirtualBox 2.2.2 r46594 โดยผมคอนฟิกให้ใช้ RAM 1GB เวอร์ชวลฮาร์ดดิสก์ขนาด 40 GB และ Video memory เท่ากับ 64 MB
สำหรับฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์นั้นใช้ซีพียู
AMD Athlon X2 5600+, 2.9 GHz, RAM 2GB, Hard Disk 250 GB แบ่งออกเป็น 2 พาร์ติชัน โดยทำการเก็บไฟล์เวอร์ชวลฮาร์ดดิสก์ในพาร์ติชันที่ 2 (ฟอร์แมตเป็น NTFS)System Requirements สำหรับ Windows 7 RC (Build 7100)Windows 7 RC Build 7100
มีความต้องการระบบขั้นต่ำดังนี้
- CPU: 1 GHz 32-bit หรือ 64-bit
- Memory: 1 GB สำหรับเวอร์ชัน
32-bit และ 2 GB สำหรับเวอร์ชัน
64-bit
- Disk space: 16 GB สำหรับเวอร์ชัน
32-bit และ 20 GB สำหรับเวอร์ชัน
64-bit
- Graphics: รองรับ DirectX 9 และ Windows Display
Driver Model 1.0 หรือสูงกว่า สำหรับการใช้งาน Aero theme
- Other: DVD-R/W Drive, Internet
access (สำหรับดาวน์โหลด Windows 7 RC และ Update)
หมายเหตุ: ความต้องการระบบของ Windows 7
อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ใน Windows 7 เวอร์ชันไฟนอล
ขั้นตอนการติดตั้ง Windows 7 RC
(Build 7100)
การติดตั้ง Windows 7 RC
(Build 7100) มีขั้นตอนดังนี้
1. เมื่อทำการบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยแผ่น
Windows Setup จะได้หน้าจอ Windows
is loading files รอจนการทำงานแล้วเสร็จ
รูปที่ 1 Starting Windows
2. ในหน้าต่าง Install Windows ให้เลือกภาษาที่ต้องการ และตั้งค่าอื่นๆ
ตามความต้องการ เสร็จแล้วคลิก Next เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป
ในที่นี้เลือก :Language to install: EnglishTime and currency format: English
(United States)Keyboard or input method: US
3.
ในหน้าต่างถัดไปให้คลิก Install Now เพื่อทำเริ่มการติดตั้ง
4. ในหน้าต่าง License Terms ให้อ่าน License Terms เสร็จแล้ว
ให้คลิกเช็คบ็อกซ์ I accept the license terms จากนั้นคลิก Next เพื่อไปยังหน้าถัดไป
5. ในหน้าต่าง Which type of installation do you want? ให้เลือกเป็น Custom (Advanced)
6. ในหน้าต่าง Where do you want to install Windows? ให้เลือก Hard Disk ที่ต้องการติดตั้ง เสร็จแล้วคลิก Next
7.
ระบบจะเริ่มทำการติดตั้ง Windows โดยจะดำเนินการต่างๆ
ดังนี้ คือ Copying files, Expanding files,
Installing features และ Installing
updates หลังจากทำการติดตั้งขั้นตอน Installing
updates แล้วเสร็จ จะทำการรีสตาร์ทระบบ 1 ครั้ง
หลังจากรีสตาร์ทเสร็จจะทำขั้นตอน Completing
Installation ต่อ หลังจากทำขั้นตอน Completing
Installation แล้วเสร็จ จะทำการรีสตาร์ทระบบอีก 1 ครั้ง
8. ในหน้าต่าง Set Up Windows ระบบจะให้เลือก User
name และตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้พิมพ์ User name ที่ต้องการในกล่องใต้ Type a user name: จากนั้นใส่ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการในกล่องใต้
Type a computer name: เสร็จแล้วคลิก Next
9. ในหน้าต่าง Set Up Windows ถัดไป ระบบจะให้กำหนดรหัสผ่านสำหรับ User name ที่สร้างในขั้นตอนที่ 8 ใส่รหัสผ่านที่ต้องการ 2
ครั้ง ในกล่องใต้ Type a password (recommended): และ Retype your password: จากนั้นพิมพ์ข้อมูลช่วยจำรหัสผ่านในช่อง Type a password hint: เสร็จแล้วคลิก Next
หมายเหตุ:
ในขั้นตอนที่ 9 นี้
ไม่จำเป็นต้องกำหนดรหัสผ่านก็ได้ แต่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ
ผมขอแนะนำให้กำหนดรหัสผ่าน และในกรณีที่กำหนดรหัสผ่านจะต้องกำหนดข้อมูลช่วยจำรหัสผ่านด้วย
ระบบจึงจะยอมให้ดำเนินการในขั้นตอนถัดไป
10. ในหน้าต่าง Type your
product key for activation ให้ใส่หมายเลขโปรดักส์คีย์
(ขั้นตอนนี้เป็นออปชันไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้) เสร็จแล้วคลิก Next
หมายเหตุ:
ผมแนะนำให้เคลียร์เช็คบ็อกซ์ Automatically
activate Windows when I'm online
11. ในหน้าต่าง
Help protect your computer and improve Windows automatically ให้เลือก Use recommended settings หรือ Install
inportant updates only หรือ Ask me later
12. ในหน้าต่าง
Review your time and date settings ให้ทำการ Time Zone ให้ตรงพื้นที่ใช้งานโดยใน Windows 7 นั้นจะเปลี่ยนจาก GMT+07:00 เป็น UTC+07.00
เสร็จแล้วคลิก Next
13. ในหน้าต่าง
Select your computer's current location ให้เลือกเป็น Home network หรือ Work network หรือ Public network
14. วินโดวส์จะทำการจัดเตรียมระบบตามการตั้งค่าต่างๆ
ที่กำหนดในขั้นตอนด้านบน เมื่อเสร็จแล้วก็จะได้หน้า Desktop ดังรูปด้านล่าง
รูปที่ 2 Windows 7 RC Desktop
Windows 7 RC Log on
Screen
เมื่อ ทำการสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 RC จะได้หน้า Log on Screen ดังรูปด้านล่าง ซึ่งจะแตกต่างจากเวอร์ชัน Bata Build 7000
รูปที่ 3 Log on Screen
หมายเลขเวอร์ชันของ Windows 7 RC
หลัง จากทำการติดตั้ง Windows 7 RC เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถดูหมายเลขเวอร์ชันได้โดยการรันคำสั่ง winver (คลิก Start พิมพ์ winver ในช่อง Search programs
and files เสร็จแล้วกด Enter) เมื่อดูเวอร์ชันของ
Windows 7 Build 7100
หมายเลขเวอร์ชันคือ 6.1 (Build 7100)
และจะหมดอายุในวันที่ 2 มีนาคม 2553 ดังรูปที่ 2
เหตุ: ถ้าหากรันคำสั่ง ver ที่คอมมานด์พร็อมท์หมายเลขเวอร์ชันคือ 6.1.7100
คุณสมบัติของ Windows 7 ที่แตกต่าง Windows Vista
1. Boot Screen แบบใหม่ Style Animation
เห็นหน้าตา Boot
Screen ของวินโดว์มาก็หลายรุ่น
แต่ไม่มีรุ่นไหนประทับใจเท่ารุ่นนี้เลย เพราะทำออกมาได้ดีมาก ซึ่งปกติหน้าตา Boot
Screen ของวินโดว์ทุกรุ่นไม่เว้นแม้แต่ Vista จะใช้สีไม่เกิน
256 สี และไม่มีการทำ Animation เคลื่อนไหวใดๆ
นอกจากบล็อกสีสี่เหลี่ยมวิ่งไปวิ่งมา แต่ใน Windows 7
นี้จะเป็นในลักษณะของ Animation คือเริ่มต้นจะมีเพียงข้อความว่า
Starting Windows จากนั้นสักพักจะมีลูกบอลกลมๆ
สี่สีสี่ลูกวิ่งเข้ามาชนกันแล้วกลายเป็นโลโก้ Windows โดยมีแสงเรืองรองรอบๆ
โลโก้ ซึ่งดูเก๋ไก๋ไม่เบาทีเดียวสำหรับลูกเล่นนี้
2. UI
(User interface) ที่ยังคงมีกลิ่นอายของ Vista ผสมอยู่
UI ของเจ้า Windows
7 ในรุ่น Build 6956 นี้จะถูกเปลี่ยนเป็น Aero
Glass ตั้งแต่ติดตั้งเสร็จเลย และเท่าที่ลองกับเครื่อง Pentium
4 ที่มีการ์ดแสดงผลเพียง Geforce FX5200 64
MB ก็สามารถใช้ Aero Glass นี้ได้โดยไม่มีอาการหน่วงแต่อย่างใด
แถมยังเร็วกว่า Vista อีกด้วย ซึ่งใครที่ใช้ Vista อยู่ประจำเมื่อเปลี่ยนมมาใช้ Windows 7
ก็คงใช้ได้อย่างสบาย เพราะไม่ต่างอะไรกันเลย
3. Taskbar
แนวใหม่ ใหญ่กว่าเดิม
ในส่วนของ Taskbar
ของ Windows 7 Build 6956
จะถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีชื่อว่า Super Bar โดยจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม
และเมื่อใช้งานจะไม่มีตัวหนังสือบอกชื่อโปรแกรมต่อท้ายไอคอนเหมือนแต่ก่อน
แต่จะเหลือเพียงรูปไอคอนเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่มากยิ่งขึ้น
แถมเวลาเราเปิดโปรแกรมเดียวกันซ้อนกันหนึ่งหน้าต่างขึ้นไป
เจ้าไอคอนจะรวมกันเป็นหนึ่งไอคอน โดยเมื่อเรานำเมาส์ไปคลิ๊กหรือชี้บนไอคอนโปรแกรมที่เปิดซ้อนกันไว้
ไอคอนก็จะแสดงหน้าต่างที่ซ้อนกัน (Desktop Preview) ออกมาดังภาพประกอบด้านบน
ซึ่งทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าเราเปิดหน้าต่างอะไรไว้บ้าง
และอีกลูกเล่นหนึ่งคือเราสามารถลากโปรแกรมจากในเมนู Start ลงมาไว้ที่
Taskbar ได้ทันทีอีกด้วย
4. โปรแกรม Paint,
Wordpad และ Calculator ใหม่ถอดด้าม
เมื่อพูด Paint,
Wordpad และ Calculator สามโปรแกรม Accessories
ในตำนานของวินโดว์ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
เพราะโปรแกรมเหล่านี้เป็นโปรแกรมสุดฮิตที่คนเล่นคอมพิวเตอร์ต่างต้องเคยผ่านมือกันมาทุกคน
โดยในWindows 7 Build 6956 นี้โปรแกรม Paint,
Wordpad และ Calculator ได้ถูกลื้อแล้วผลิตใหม่หมดโดยมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาให้ออกไปทางโปรแกรมในชุด
Office 2007 และปรับปรุงเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
อย่าง Wordpad เองก็สามารถแทรกรูปภาพได้ หรือตัว Calculator
ก็ได้ปรับเปลี่ยนระบบและหน้าตาใหม่
พร้อมทั้งสามารถแปลงค่าเทียบอัตราส่วนต่างๆได้ด้วย
5. โปรแกรม Capture
หน้าจอตัวใหม่ Snipping Tool
ใน Windows 7 นั้นได้แถมโปรแกรมสำหรับไว้ Capture หน้าจอไว้ให้ด้วย
โดยเจ้าโปรแกรมนี้จะมีข้อดีกว่าการกดปุ่ม Print Screen แบบเดิมๆ
ตรงที่มันสามารถทำการกำหนดขอบเขตในการจับภาพได้ว่า ต้องการแค่ไหน โดยวิธีการคือ
คลิ๊กเมาส์ซ้ายค้างไว้ตอนเปิดโปรแกรม หน้าจอจะกลายเป็นสีจางๆ
จากนั้นก็ทำการลากเมาส์ครอบพื้นที่ที่เราต้องการจะจับภาพ
จากนั้นโปรแกรมจะปรากฏภาพที่ Capture ออกมา พร้อมเซพได้ทันที
6. IE 8 Beta ตัวใหม่เร็วขึ้นแต่ปัญหายังคงอยู่
หลายคนอาจเคยใช้ IE8 รุ่น Beta มาก่อนหน้านี้แล้ว
ซึ่งเสียงจากผู้ใช้จำนวนมากมักบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ดี กินแรม
ภาษาไทยไม่สมบูรณ์" โดยถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นนี้ที่มากับ Windows 7 Build 6956 ก็ไม่ต่างอะไรกันเลย
เพียงแต่ทำงานได้เร็วกว่าเก่าเท่านั้นเอง นอกนั้นปัญหายังคงมีอยู่
ดังภาพประกอบด้านบน ที่ตัวอักษรขาดๆ หายๆ รูปภาพขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง
ซึ่งสำหรับใครที่กำลังใช้ Windows 7
เวอร์ชั่นนี้ก็ขอแนะนำให้ใช้เว็บบราวเซอร์อื่นไปก่อน คาดว่าอีกไม่นานคง
7. Internet
Games กลับมาอีกครั้ง
หลังจากที่ใน Vista
ถูกตัดออก แล้วมีคนบ่นพอสมควรว่า จะตัดออกทำไม โดยเฉพาะเกม Internet
Checkers หรือ หมากฮอสสากล ที่เมื่อสมัย XP ยุคแรกมีคนเล่นติดกันเป็นจำนวนมาก
ทำให้ในครั้งนี้ทาง Microsoft ได้นำกลับมาปัดฝุ่นใหม่พร้อมพัฒนาภาพกราฟฟิคให้สวยงามขึ้นกว่าเดิม
อักทั้งยังได้รวมเกมจาก Vista อย่าง Purble Place ไว้อีกด้วย
8. ระบบค้นหา Driver
ติดตั้งฮาร์ดแวร์อัตโนมัติ
Add New Hardware คำๆ
นี้คุณผู้อ่านคงยังจำได้ทุกครั้งที่ได้มีการเพิ่มฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ลงไปในคอมพิวเตอร์
เพราะเราจะต้องเป็นคนหาแผ่น Driver มาติดตั้งหรือสั่งให้มันหาเอง
ซึ่งคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ก็อาจจะทำได้ลำบาก ดังนั้นใน Windows 7 เวอร์ชั่นนี้ เมื่อเราเสียบฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์
เจ้าวินโดว์จะทำการค้นหา Driver ให้เองแบบอัตโนมัติ
แต่เราจำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ทไว้ ซึ่งก็นับว่าสะดวกมาก
เพราะเมื่อเสร็จสิ้นก็จะมีหน้าต่างขึ้นมาบอกเรา แต่ถ้าตัววินโดว์หา Driver ของฮาร์ดแวร์ตัวไหนไม่เจอ โปรแกรมจะบอกให้เราเป็นคนจัดการเอง (Manual
Setup)
9. เปลี่ยนจาก My
Document เป็น Libraries
อันนี้ก็ไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนทำไม
เลยทำให้ดูงงๆ เล็กน้อยเวลาใช้งาน
10. ระบบ Gadgets
แบบใหม่ที่ไม่มี Side Bar มากวนใจ
หลายๆ คนอาจชอบลูกเล่นนี้ใน Vista
โดยเฉพาะคนที่มีจอภาพแบบ Widescreen แต่ทั้งนี้พอเปิดลูกเล่นนี้ที่ไร
เครื่องจะต้องอืดทุกที เลยจำใจต้องปิดไป แต่ใน Windows 7
เวอร์ชั่นนี้ ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป พร้อมทั้งยังสามารถเคลื่อนย้าย Gadgets
ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเพราะไม่มีตัว Sidebar เป็นตัวล็อค Gadgets เหล่านั้นไว้แล้ว
โดยวิธีการเลือกใช้งานก็ง่ายมาก เพียงคลิ๊กขวา บน Desktop แล้วคลิ๊กซ้ายตรง
Gadgets เพียงเท่านี้ก็เปิดใช้งานคุณสมบัติเหล่านั้นได้ทันที
11. Background
Desktop แบบใหม่ เปลี่ยนเองได้ทุกเวลา
ใน Windows 7 เมื่อเราคลิ๊กขวาแล้วเลือกคำสั่ง Personalize จะปรากฏหน้าต่างให้จัดการกับ
Desktop ขึ้น โดยภาพ Background และ Theme
ของเจ้าเจ็ดนั้นจะมาแบบเป็นชุดๆ โดยเราสามารถแก้ไขได้ว่า
ชุดนี้จะนำรูปอะไรมาเป็น Background บ้าง (เลือกได้มากกว่า
1) และอยากใช้ Theme สีอะไร
เพราะเมื่อเราทำการเลือกใช้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังเปิดหน้าต่างวินโดว์ใช้งานอยู่สักพัก
ภาพ Background เดิมจะ Fade เปลี่ยนเป็นภาพต่อไปที่เราได้เลือกไว้โดยอัตโนมัติ
ซึ่งจะทำให้เราไม่รู้สึกจำเจกับภาพ Background เก่าๆ
เมื่อใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
12. Aero
Snap สุดเจ๋ง
สำหรับในส่วนนี้ถ้าใครเคยใช้ GridVista
ของโน้ตบุ๊ค Acer ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก
เพราะระบบนี้ใน Windows 7 ก็เป็นแบบเดียวกับ GridVista
อย่างใดอย่างนั้น แต่สำหรับใครที่ไม่เคยใช้ ผมขออธิบายว่า
ระบบนี้เป็นระบบการขยายหน้าต่างแบบอัตโนมัติ
โดยเมื่อเราคลิ๊กเมาส์ซ้ายค้างไว้บนแทบ Title Bar แล้วลากไปอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งของขอบจอภาพ
หน้าต่างจะขยายออกเองอัตโนมัติ แต่จะขยายแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เพราะอีกด้านเราสามารถทำซ้ำแบบนี้ได้อีกครั้ง ซึ่งเปรียบเสมือนการแบ่งหน้าจอกันใช้
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราเล่น MSN ไปพร้อมกับเล่นเว็บ
เราก็สามารถจัดหน้าจอเป็นดังภาพประกอบด้านบนได้ โดยทำตามวิธีที่ได้กล่าวไป
ส่วนของแถมอีกอย่างที่ขอนำมาอธิบายตรงส่วนนี้เลยก็คือ
เมื่อเราขยายหน้าต่างวินโดว์จนเต็มหน้าจอ (Maximize) เราสามารถกลับมาเป็นหน้าต่างปกติ
(Minimize) ได้โดยการกดเมาส์ซ้ายค้างไว้ตรงแทบ Title
Bar พร้อมลากเมาส์ลงมา หน้าต่างก็จะย่อกลับไปขนาดเท่าเดิม
13. Windows
Media Player 12 มุ่งเน้น Media Library
Windows Media Player สิ่งที่อยู่คู่วินโดว์มานานเช่นเดียวกับเจ้า
3 โปรแกรมอัตถประโยชน์ ที่ได้กล่าวไปข้างต้น โดยใน Windows 7
Build 6956 ได้แถม Windows Media Player เวอร์ชั่น
12 มาให้ ซึ่งจากภาพรวมแล้วจะเห็นว่าหน้าตาเปลี่ยนไปไม่มากจากเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้
โดยสีที่ใช้จะเน้นไปทางโทนสีดำมากขึ้น และในส่วนของ Media Library ก็ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมาก (แต่ถึงอย่างไรผมเองก็ใช้ไม่เป็นอยู่ดี)
และมีข่าวบอกว่าสามารถเล่นไฟล์ Hi-Def ที่เข้ารหัส H.264 ได้เลยโดยไม่ต้องลง Codec แต่ทั้งนี้เท่าที่ผมทดสอบก็ไม่เห็นจะเล่นไฟล์ดังกล่าวได้
เอ..หรือว่าไฟล์ Hi-Def ที่ผมมีมันเข้ารหัสที่ซับซ้อนกว่านั้นก็ไม่ทราบ
14. Windows
PowerShell V2 โปรแกรมที่ใช้ติดต่อ Windows แบบ
Command line
สำหรับ Windows
PowerShell นั้นก็มีมาตั้งแต่สมัย XP แล้วเพียงแต่ไม่ได้ติดมากับตัววินโดว์
แต่ล่าสุด Microsoft ก็จับมารวมกับ Windows 7 Build 6956
โดยโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมในการติดต่อวินโดว์ผ่าน command line shell และ task-based scripting technology ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบ
วินโดว์หรือ ผู้ดูแลระบบอย่าง สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น
โดยจะมีการจัดการะบบที่เป็นอัตโนมัติ ซึ่งส่วนใหญ่โปรแกรมเหล่านี้จะใช้งานบนระบบ Server
15. XPS
Viewer คู่แข่งคนสำคัญของ Adobe Reader
XPS Viewer โปรแกรมที่ใช้เรียกดูเอกสารที่มีนามสกุล
.XPS ซึ่งก็มีหลักการทำงานคล้ายๆ Adobe Reader แต่ตัวโปรแกรมจะมีขนาดเล็กกว่า และทำงานได้รวดเร็วกว่า
โดยจะสนับสนุนไฟล์ของ Adobe PDF ด้วย อย่างนี้อนาคต Adobe
Reader ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วสิ
16. Start
Menu แบบใหม่ เรียกไฟล์ล่าสุดได้ทันใจนึก
ยังจำตัว My
Recent Documents ที่ใช้ในการจดจำชื่อไฟล์แบบรวมๆ
ที่เราเปิดครั้งสุดท้ายไว้ เพื่อให้เราสามารถกลับมาค้นหาได้ไหมครับ ซึ่งใน Windows
7 Build 6956
นี้ได้มีพัฒนาขึ้นมาให้ใช้งานง่ายขึ้น เพราะเจ้า My Recent Documents จะถูกแจกจ่ายไปตามโปรแกรมต่างๆ ที่เป็นโปรแกรมจำพวกจัดการเอกสาร
โดยลักษณะจะเป็นดั่งภาพประกอบด้านบน ซึ่งทำให้การเข้าถึงไฟล์เก่าๆ
นั้นง่ายและรวดเร็วขึ้นอย่างมาก
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ 16
สิ่งใหม่ที่อาจทำให้เกิดอาการ แรกเริ่มแรกรักเข้ากับ Windows
7 Build 6956 ได้เลย
แต่ทั้งนี้ถ้าจะให้กล่าวเพียงแค่ระบบใหม่ๆ
ที่เพิ่มเข้ามาในวินโดว์เวอร์ชั่นนี้เพียงอย่างเดียว
ก็อาจจะยังไม่น่าสนใจพอสำหรับบางคน
โดยเฉพาะบรรดาเกมเมอร์หรือพวกที่ต้องใช้วินโดว์เป็นเวลานานๆ
เพราะในเรื่องประสิทธิภาพและความเสถียรของตัววินโดว์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรได้รู้ด้วยเช่นกัน
ซึ่งในวันนี้ผมจะมาทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า Windows 7
Build 6956 กันว่าจะช้าหรือเร็วมากน้อยเพียงใด
SPEC ที่ใช้ในการทดสอบ
Acer Aspire 4920G
CPU Core 2 Duo
T8300 2.4GHz
RAM 2GB DDR2 667Mhz
VGA Card ATI Mobility Radeon HD 2400XT
OS Windows 7
Build 6956 32 bit
Windows XP SP3
*เหตุที่ไม่ใช้ Vista
ทดสอบก็เพราะว่า จากข้อมูลของ Adrian Kingsley-Hughes ผมคิดว่าคู่แข่งคนสำคัญของ Windows 7 น่าจะเป็น Windows
XPวินโดว์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลกมากกว่า
โดยอันดับแรก
มาเริ่มกันที่ทดสอบเวลาบู๊ตเข้าระบบ
โดยมีโปรแกรมที่ต้องถูกเรียกระหว่างการทดสอบดังนี้ (อยู่ในส่วนของโฟล์เดอร์ Startup)
- Kaspersky 9
- Bluetooth
- Windows Live Messenger Beta
- Power ISO
ซึ่งผลที่ออกมาคือ Windows
XP SP3 ใช้เวลาบู๊ตเข้าระบบถึง 70 กว่าวินาที ในขณะที่ Windows
7 Build 6956 ใช้เวลาไปเพียง 57
วินาทีรวมการโหลด Gadgets จำนวน 2 ตัวด้วย
ซึ่งก็นับว่าเป็นเวลาที่ใช้ในการบู๊ตเข้าระบบที่เร็วที่สุด
โดยเมื่อเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว Windows XP SP3
จะใช้แรมไปประมาณ 490 MB แต่ Windows 7
Build 6956 จะใช้แรมถึง 513 MB ซึ่งเหตุที่ Windows
7 Build 6956ใช้แรมไปจำนวนมากกว่า XP
SP3 เพราะว่ามีการโหลดในส่วนของ Gadgets จำนวน
2 ตัวด้วย แต่ถ้าเทียบกับ Vista ที่เมื่อเข้าระบบเสร็จจะเรียกแรมถึง
980 MB ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ แล้ว
ส่วนการใช้งานในส่วนอื่นๆ
ผมเองได้ลองลงโปรแกรมไปจนครบซึ่งโปรแกรมส่วนใหญ่จะทำงานได้ดีไม่ค่อยมีปัญหา
แต่จะมีบางโปรแกรมเช่น Demon Tools ที่ใช้ไม่ได้ เลยต้องหันไปใช้ Power
ISO แทน และในส่วนของระบบ Flip 3D ทำออกมาได้ดีกว่า Vista มาก เพราะโหลดเร็วกว่าและเสถียรกว่ามาก
และก็มาถึงการทดสอบขั้นที่ 2
โดยผมจะทำการทดสอบการบริโภคทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์ของวินโดว์แต่ละตัวว่าทำได้มากน้อยเพียงใด
ซึ่งผมได้ทดลองเปิดโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ Firefox เป็นจำนวนมากจนกว่าเครื่องจะค้างและทำอะไรไม่ได้
โดยผลที่ออกมาก็คือ Windows XP SP3 สามารถเปิดเว็บบราวเซอร์ Firefox
ได้จำนวน 280 หน้าต่างและบริโภคแรมไป 1.52 GB เครื่องจึงเริ่มอืดและไม่สามารถเปิดโปรแกรมอะไรได้เพราะเครื่องจะเริ่มค้าง
แต่ใน Windows 7 Build 6956
จะสามารถเปิดเว็บบราวเซอร์ Firefox ได้จำนวน 300 หน้าต่าง โดยบวกกับ
Gadgets จำนวน 2 อัน, Windows Media Center, IE8 Beta จำนวน 2 หน้าต่าง, โปรแกรม
MP3 AIMP2 และ Microsot Word 2007 เครื่องถึงจะเริ่มอืด แต่ยังไม่ค้าง จนเปิด Adobe Photoshop
CS4 ถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ถึงค้างในที่สุด
โดยทั้งหมดก่อนเครื่องค้างวินโดว์บริโภคแรมไปแค่เพียง 1.40 GB เท่านั้น
ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้วในผลสรุปของหัวข้อนี้ว่า Windows
7 Build 6956
มีระบบการจัดสรรการบริโภคทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดตั้งแต่มีวินโดว์มา
โดยสามารถล้มแชมป์วินโดว์ที่เสถียรที่สุดตลอดกาลอย่าง XP ลงได้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆ
ส่วนการทดสอบขั้นสุดท้ายจะเป็นในเรื่องของการเล่นเกม
โดยเกมที่วันนี้ผมนำมาทดสอบกับวินโดว์ทั้ง 2 ตัวก็คือ Call
of Duty: World at War โดยผลการทดสอบที่ได้สามารถแบ่งคำตอบออกเป็น 2
หัวข้อคือ
ในด้านคุณภาพกราฟฟิค
อาจเพราะเกมๆ นี้ใช้คุณสมบัติกราฟฟิค
เพียง DirectX 9 ทำให้ไม่เห็นข้อแตกต่างใดๆ ทั้งสิ้น
โดยวินโดว์ทั้งสองตัวสามารถแสดงผลกราฟฟิคของเกมได้เท่ากันและอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ในด้านของประสิทธิภาพ
ในส่วนนี้จะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการเข้าถึงข้อมูล โดย Windows
7 Build 6956
สามาถเข้าถึงข้อมูลเกมได้เร็วกว่า XP SP3 อย่างมาก
และยิ่งเฉพาะการโหลดฉากและมีการเล่น Movie ของเกมระดับ HD
ไปด้วยนั้น Windows 7 Build 6956 สามารถดึงข้อมูลโดยไม่ทำให้ Movie เกมกระตุกแต่อย่างใด
แตกต่างจากใน XP SP3 ที่มีอาการสะดุดให้เห็นบ้างเป็นระยะๆ
สรุป
ก็จบไปหมดแล้วนะครับสำหรับการเจาะลึก Windows
7 Build 6956 พร้อมผลการทดสอบคร่าวๆ จากกระผม
ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
เพราะส่วนใหญ่ตัววินโดว์หมายเลขเจ็ดจะทำออกมาได้ดีในทุกๆ
ด้านเมื่อเทียบกับวินโดว์สุดฮิตตลอดกาลอย่าง XP ทั้งๆ ที่ยังเป็น
Pre-Beta อยู่ แต่ใช่ว่าประสิทธิภาพดีแล้วจะไม่มีปัญหานะครับ
เพราะปัญหาในเรื่อง Driver ที่เป็นปัญหาสุดฮิตมาตั้งแต่สมัย Vista
ก็ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นนัก โดยเฉพาะปัญหาวินโดว์ลง Driver
ตัวนั้นตัวโน้นไม่ได้ จนบางทีทำให้ผู้ใช้ต้องพยายามลงแบบ Manual
เอาเอง แต่ก็อย่างว่า เป็นแค่ Pre-Beta เองจะเอาอะไรมาก
อ้อ.. และอีกข้อหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนจาก Windows 7 Build 6956 คือ ระบบ User Account Control ที่ไม่ค่อยเด้งขึ้นมากวนใจ เหมือนสมัย Vista แล้ว
สุดท้ายนี้เราๆ ท่านๆ ก็คงต้องรอตัวเต็มของ
Windows 7 กันต่อไปว่าจะมีอะไรที่เป็นไม้เด็ดมากกว่านี้
โดยถ้าเมื่อไหร่ที่ Windows 7 วางจำหน่ายอย่างสมบูรณ์แบบ
ปีนั้นอาจเป็นปีสุดท้ายของ Windows XP และ Vista ก็เป็นได้ เพราะดูจากการทดสอบจากหลายๆ ที่ หลายสำนักแล้วเจ้า Windows
7 มักทำคะแนนในทุกส่วนได้ดีกว่า XP และ Vista
แถมยังรองรับคุณสมบัติใหม่ๆ ของเทคโนโลยีในอนาคตอีกด้วย
แล้วอย่างนี้ในอนาคต ตัว Windows 7
จะเป็นวินโดว์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดตามคำบอกเล่า
ข้อเปรียบเทียบระหว่าง Windows 7 กับ Windows
Vista
หน่วยความจำ ไม่มีความแตกต่างกันในเวอร์ชั่น 32 bit
-
แต่เวอร์ชัน 64 bit
นั้น Windows 7 ต้องการ 2 GB,
Vista ต้องการเพียง 1 GB
-
พื้นที่อาร์ดดิสก์ว่างนั้น Windows 7 ต้องการ 16 GB ซึ่งมากกว่า Windows Vista อยู่ 1GB
เปรียบเทียบ System Properties
- Windows
7 ระบบงาน RAM
ทั้งหมดที่ติดตั้งแต่ Windows Vista จะรายงานเฉพาะส่วนที่
สามารถใช้ได้ โดยจะไม่ส่วนรวมส่วนที่แชร์ให้กับระบบกราฟฟิก
สามารถใช้ได้ โดยจะไม่ส่วนรวมส่วนที่แชร์ให้กับระบบกราฟฟิก
เปรียบเทียบการใช้
Hard DiskWindows 7 ใช้พื้นที่อาร์ดดิสก์ในการติดตั้งระบบทั้งหมด
8.30 GB ส่วนWindows Vista ใช้8.80GBเปรียบเทียบการใช้
Task Manager
- CPU
Usage : Windows 7
ใช้ประมาณ 5% ส่วน Windows Vista ใช้ประมาณ 13%
- Memory
: Windows 7 ใช้หน่วยความจำประมาณ 462 MB Windows Vista จะใช้ 474MB
- Page file: Windows 7
เพจไฟล์ขนาด 3836 MB ส่วนWindows Vista จะใหญ่กว่าคือ 4063 MB
เปรียบเทียบการใช้
WEI:Windows Experience Index
- Windows
7 RC โดยที่ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ใดๆ ปรากฏว่าได้ค่า WEI แค่
1.0 ในขณะที่Windows Vista กับได้ค่า WEI เท่ากับ 3.2 แต่หลังจากทำการอัพเดทไดรเวอร์ Windows 7
RC ได้เพิ่มเป็น 3.3
เปรียบเทียบการใช้หน่วยความจำ
- Windows
7 จะใช้หน่วยความจำ 372
MB จากหน่วยความจำระบบ 2 GBในขณะที่ Windows
Vista จะใช้หน่วยความจำ 455MB Windows 7 นั้นมีการใช้หน่วยความจำที่ประหยัดกว่าWindows
Vista
เปรียบเทียบ Thread และ Hadle
-
หลังทำการบูตระบบ Windows 7 จะมีเธรด 473 ในขณะที่ Windows Vista มีเธรด 532 เธรด
- ส่วนของ Handles
นั้น Windows 7 มีจำนวน 30
ส่วน Windows Vista มีจำนวน 36
แสดงให้เห็นว่า Windows
7
นั้นมีการใช้ทรัพยากรระบบในการทำงานน้อยกว่า Windows Vista
สรุป
- พบว่า Windows
7 RC มีการใช้ทรัพยากรน้อยกว่า Windows
Vista
-
ประสิทธิภาพการทำงานวัดจ่าค่า WEI นั้น Windows
7 RC สูงกว่า
Windows Vistaเล็กน้อยแต่เนื่องจาก Windows 7ยังมีปัญหาเรื่องไดรเวอร์
ต้องใช้ไดรเวอร์ของ Windows
Vista แทน
การใช้งาน Windows 7 แบบง่ายๆ
ในที่สุดการรอคอยก็ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว
สำหรับ Windows 7 ที่หมายว่าจะสร้างความนิยมให้กับผู้ใช้ได้
หลังจากที่เราผิดหวังจาก Windows Vista กันมาแล้ว ซึ่ง Windows
7 นั้น นอกจากมีความสวยงามน่าใช้ไม่แตกต่างไปจาก Vista แล้ว ยังใช้งานได้ดี ไม่แพ้กับ Windows XP เลย
เรียกว่าหากได้ใช้ Windows 7 แล้ว คุณจะไม่อยากกลับไปใช้ Windows
XP อีกเลย
ดูจากรูปเราจะเห็นว่า Windows
7 แม้จะพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista แต่หน้าตาก็มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างพอสมควร
แม้จะใช้งานได้ไม่ยาก แต่ก็ต้องปรับตัวกันนิดหน่อยเพื่อให้สามารถใช้งาน Windows
7 ได้ง่ายขึ้น
ซึ่งส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือส่วนของทาสก์บาร์
ที่ปรับปรุงให้เรียกใช้โปรแกรมได้ง่ายขึ้น มีการตัดทอนบางฟังก์ชั่นออกไป เช่น Quick
Launch
ส่วนของซิสเท็มบาร์ที่ถูกซ่อนเอาไว้ไม่ให้แสดงผลเกะกะบนหน้าจอ
รวมทั้งแถบของ Gadget ที่หายไป โดยเราสามารถเรียก Gadget ขึ้นมา และวางไว้ตรงไหนก็ได้ของหน้าจอ โดยไม่กินพื้นที่เหมือนกับ Gadget
Bar ในWindows Vista อีก
แน่นอนว่าเมื่อเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องมีความสามารถใหม่ๆ ตามมาด้วย
และนี่คือทิปที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Windows? 7
ได้ง่ายและสะดวกขึ้น พร้อมกับสามารถปรับแต่งหน้าตาอินเทอร์เฟสต่างๆ ได้ตามต้องการ
สร้างแผ่นสำหรับแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์
คงบอกว่าหากวันใดวันหนึ่ง
Windows ของคุณเกิดปัญหาขึ้น
จะทำให้คุณต้องยุ่งยากขนาดไหน
ดังนั้นเราควรที่จะสร้างหนทางสำหรับที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น
โดยการสร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน โดยหลังจากที่ติดตั้ง Windows เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ให้เราเตรียมแผ่นดิสก์เปล่าๆเอาไว้ก่อน
จากนั้นคลิกที่ Start > Maintenance > Create a System Repair Disc และใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป และให้ Windows 7
สร้างแผ่นบู๊ตยามฉุกเฉินเอาไว้ก่อน ทีนี้ หาก Windows มีปัญหาในการทำงานเกิดขึ้น
เราก็สามารถใช้แผ่นดิสก์นี้บู๊ต เพื่อแก้ไขปัญหา
เขียนแผ่นซีดีและวิดีโอจาก
ISO ไฟล์ โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเบิร์น
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของ
Windows 7
ก็คือเราสามารถสร้างเบิร์นแผ่นดีวีดีหรือซีดีได้
โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเขียนแผ่นดิสก์ลงไปก่อน ซึ่งช่วยให้สะดวกขึ้น
หากว่ามีแผ่นโปรแกรมในรูปแบบของไฟล์ ISO อยู่ในเครื่องอยู่แล้ว
ก็สามารถคลิกที่ไฟล์ ISO นั้นแล้วเลือกไดรว์ที่จะเขียน
พร้อมกับใส่แผ่นดิสก์เปล่าลงไป เท่านี้ Windows ก็จะพร้อมที่จะสร้างแผ่นดิสก์จาก
ISO ไฟล์ได้เลย
แก้ไขปัญหาใน Windows
7 ให้รวดเร็ว
เวลาเกิดปัญหากับการใช้งาน
Windows คงไม่ต้องบอกว่ามันยุ่งยากขนาดไหน
เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น
เกิดจากอะไรและจะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นอย่างไรได้บ้าง แต่สำหรับ Windows
7 แล้ว มีเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถค้นหาปัญหา
และแก้ไขได้ด้วยตัวเองก่อนที่จะต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญต่อไป
โดยเราสามารถเข้าถึงการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ได้จากการเลือกที่ Control Panel
> Troubleshoot Problems ซึ่งจะมีวิซาร์ด
ช่วยในการค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้น และวิธีการแก้ไข รวมทั้งยังเป็นการเช็คอัพระบบ
และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงานของคุณได้
ซ่อนไอคอนของ Windows
Live Messenger
ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่ง
ที่ต้องใช้ Windows Live Messenger เป็นประจำบน Windows 7 คุณจะพบว่าเมื่อเปิด Windows Live Messenger มันจะแสดงการทำงานค้างไว้บนทาสก์บาร์ให้เกะกะ
ซึ่งหากคุณไม่ชอบใจ ก็สามารถซ่อนการทำงานของ Windows Live Messenger เอาไว้ได้ โดยก่อนอื่นต้องคลิกขวา เลือกที่ไอคอนของ Windows Live
Messenger จากนั้นเลือกที่ Properties แล้ว
กำหนดให้แอพพลิเคชั่น ทำงานในโหมดของ Windows Vista Compatibility จากนั้นก็เปิดการทำงานของ Windows Live ขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้โปรแกรม Messenger จะถูกซ่อนการทำงานเอาไว้
ไม่โผล่มาให้เกะกะบนทาสก์บาร์อีก
เพิ่มพื้นที่การใช้งานให้กับเดสก์ท็อป
ใน Windows
7 เราจะพบว่าทาสก์บาร์นั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก
ซึ่งอาจจะกินพื้นที่บางส่วนของเดสก์ท็อปไปอย่างมาก รวมทั้งไอคอนต่างๆ
ทำให้พื้นที่สำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ นั้น วางได้ไม่เยอะ
ซึ่งเราสามารถที่จะปรับขนาดของไอคอนบนเดสก์ท็อปให้เล็กลงได้
โดยคลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Properties > Taskbar > Use
small icons เพื่อที่จะให้ไอคอนบนทาสก์บาร์เล็กลง
และเราก็จะได้พื้นที่ใช้งานบนเดสก์ท็อปนั้นเพิ่มขึ้น
เพิ่ม Quick
Launch ให้กับทาสก์บาร์
ด้วยการมี Launch
ที่สามารถเรียกโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมาให้แล้ว ทำให้ Quick
Launch เดิมที่มาพร้อมกับ Windows ก่อนหน้านี้
ถูกตัดออกไป แต่เราก็สามารถเปิดการทำงานของ Quick Launch ขึ้นมาได้
โดยให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกที่ Toolbars/ New Tools Bar ก็จะปรากฏหน้าต่าง Folder Selection dialog ขึ้นมา
ให้พิมพ์ข้อความตามนี้ลงไป %userprofile%\AppData\Roaming\Microsoft\Internet
Explorer\Quick Launch แล้วคลิกที่ OK ก็จะมีแถบของ
Quick Launch ปรากฏขึ้นที่ทาสก์บาร์ แต่ตอนนี้ Quick
Launch จะดูเหมือนว่าไม่ปรากฏออกมาเพราะมีแถบข้อความ
และคำอธิบายเต็มไปหมด ให้คลิกขวาที่ Quick Launch แล้วเอาเช็คบ็อกซ์ตรง
lock the taskbar ออก แล้วคลิกขวาอีกครั้งที่ Quick
Launch และให้นำเช็คสบ็อกซ์ หน้าข้อความ show Text และ Show Titles ออกไป
ที่นี้เราก็สามารถลากไอคอนชอร์ตคัทของโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องการ นำมาวางไว้ตรง Quick
Launch นี้ได้ และเมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ก็ให้คลิกขวาที่ทาสก์บาร์
พร้อมกับล็อคทาสก์บาร์เอาไว้ให้เรียบร้อย
เปลี่ยนการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์
ปกติหน้าที่ของเพาเวอร์สวิทช์
ก็คือการเปิดเครื่อง แต่ขณะที่คอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ล่ะ
จะให้มันทำหน้าที่เป็นอะไร ในWindows 7
เราสามารถกำหนดการทำงานให้กับเพาเวอร์สวิทช์ได้ โดยคลิกขวาที่ไอคอน Windows
มุมล่างซ้าย แล้วเลือกที่ properties จากนั้น
คลิกที่แท็บ Start Menu แล้วตรง power button action ก็กำหนดหน้าที่ที่ต้องการให้กับปุ่มเพาเวอร์ได้ ทั้งการชัตดาวน์ รีสตาร์ท
หรือล็อคเครื่องก็ได้เช่นกัน
ควบคุมการทำงานบน
Windows ด้วยปุ่ม Windows คีย์
หากคุณต้องการปรับการแสดงผลขณะทำงานบน
Windows 7 เพื่อให้สะดวกขึ้น เราสามารถใช้ปุ่ม windows
คีย์ เพื่อเป็นคีย์ลัดในการจัดการการแสดงผลของหน้าต่างบน Windows
ได้ ไม่ว่าจะเป็นการย่อขยาย จัดการแสดงผลให้เต็มหน้าจอ
หรือย่อทั้งหมดลงมา หรือเรียกการทำงานของหน้าต่างที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
เป็นต้น ซึ่งคีย์ลัดนี้ เราสามารถทำงานกับ Windows ได้อย่างรวดเร็วขึ้น
โดยสามารถแบ่งการทำงานที่ต้องใช้ร่วมกับปุ่ม Windows คีย์ได้ดังนี้
ปรับขนาดของหน้าต่างให้ตรงกับความต้องการ
-เราสามารถใช้ปุ่ม Windows
คีย์ ร่วมกับปุ่มลูกศร เพื่อปรับขนาดของ Windows ได้ตามต้องการ เช่น
-Win + ลูกศรขึ้น และ Win+
ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอ
และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
-Win + ลูกศรซ้าย และ Win
+ ลูกศรขวา เป็นการกำหนดตำแหน่งของการแสดงผลอยู่ทางครึ่งของหน้าจอทางซ้ายมือหรือว่าขวามือ
-Win + Shift +ลูกศรขึ้น
และ Win+Shift+ ลูกศรลง? เป็นการขยายขนาดของหน้าต่างให้เต็มหน้าจอทางด้านแนวตั้ง
และย่อขนาดกลับลงมาเท่าเดิม
แสดงผลออกโปรเจ็คเตอร์
หมดปัญหากับการที่ต้องควานหาปุ่ม
เพื่อเลือกการแสดง หากต้องการต่อกับโปรเจ็คเตอร์หรือมอนิเตอร์ภายนอก
เพราะเพียงแค่ใช้คีย์ Win + P ก็จะเป็นการเลือกการแสดงที่ต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลเฉพาะหน้าจอหลัก การแสดงผลหน้าจอทั้งสองให้เหมือนๆกัน
การแสดงแบบบนจอที่สองแบบ extend และการแสดงผลเฉพาะจอที่สองเพียงอย่างเดียว
แต่หากว่าคุณต้องการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่น
เพื่อออกไปทางโปรเจ็คเตอร์
คงไม่อยากให้การแสดงผลบนหน้าจอถูกขัดจังหวะด้วยสกรีนเซฟเวอร์ หรือว่าข้อความทาง IM ที่ส่งมาให้คุณ เราสามารถใช้ปุ่ม Win+X เพื่อกำหนดการแสดงผลเฉพาะพรีเซนเทชั่นได้
เท่านี้เวลาข้อความทาง IM ส่งเข้ามาหรือว่าสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน
ก็จะไม่มีผลต่อการแสดงผลบนหน้าจอโปรเจ็คเตอร์อีก
ย่อหน้าต่างให้เลือกเฉพาะที่ใช้งานปัจจุบัน
เราสามารถย่อหน้าต่างอื่นๆที่ไม่ได้ใช้งาน
ให้ลงไปอยู่บนทาสก์บาร์ได้ โดยกดคีย์ Win+ Home ซึ่งหน้าต่างอื่นๆที่เราไม่ได้ใช้งานอยู่
ก็จะถูกย่อลงเองโดยอัตโนมัติ และเมื่อกด Win+Home อีกครั้ง
ก็จะกลับมาแสดงผลตามปกติ
ทำงานแบบหลายมอนิเตอร์พร้อมๆ
กัน
ถ้าคุณต่อมอนิเตอร์หลายๆตัวเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์
เราสามารถเคลื่อนการทำงานจากมอนิเตอร์หนึ่งไปยังอีกมอนิเตอร์หนึ่งได้ โดยกดปุ่ม Win+shift+ปุ่มลูกศรซ้าย หรือขวา เพื่อเลื่อนการทำงานไปยังมอนิเตอร์ที่ต้องการได้
เรียกใช้โปรแกรมบนทาสก์บาร์ด้วยคีย์ลัด
ในทาสก์บาร์ของ Windows
7 จะมีการจัดเรียงโปรแกรมเอาไว้อยู่
และเราสามารถที่จะเรียกใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นได้โดยง่าย เพียงแค่เล็งไว้ว่าแอพพลิเคชั่นนั้นๆอยู่ตำแหน่งที่เท่าไหร่
นับจากปุ่มสตาร์ทเป็นต้นมา เราสามารถเรียกแอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วขึ้น
จากการที่กดคีย์ Win+คีย์ตัวเลข
ก็จะเป็นการเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นลำดับตัวเลขนั้นขึ้นมาทันที
มองทะลุเดสก์ทอป
ใน Windows
7 มีฟังก์ชั่นบางตัวที่เรียกว่า? Gadget สำหรับบอกเวลา
บอกวันที่ รวมถึงดูโน้ตต่างๆได้ ซึ่งปกติหากเราต้องการดูของต่างๆ
ที่อยู่บนเดสก์ท็อป เราต้องย่อหน้าต่างลงมาทั้งหมดเสียก่อน
แต่หากว่าเราต้องการแค่ดูเฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไร Windows 7
ยอมให้คุณกดปุ่ม Win+Space เพื่อมองทะลุหน้าต่างทั้งหมดที่อยู่
ให้คุณมองเห็นเดสก์ท็อปได้
ท่องไปตามทาสก์บาร์
หากต้องการเรียกแอพพลิเคชั่นที่เปิดเอาไว้บนทาสก์บาร์อย่างรวดเร็ว
เราสามารถใช้คีย์ Win+T เพื่อเลือกใช้งานโปรแกรมที่อยู่บนทาสก์บาร์ได้
โดยเลือกเป็นกลุ่มของแอพพลิเคชั่น เพื่อสามารถเลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการได้สะดวกกว่า
ขยายการมองเห็นให้กับ
Windows
หากว่าคุณเป็นคนที่สายตาไม่ดี
หรือมีปัญหากับการมองบางส่วนของภาพได้ไม่ชัดเจน Windows 7 ยอมให้เราสามารถซูมภาพเข้าไปได้ เพื่อมองบางส่วนในการแสดงผลให้ชัดเจนขึ้น
โดยใช้คีย์ Win++ ก็จะเป็นการใช้งานฟังก์ชั่น magnifier
ในการขยายภาพทั้งหมดบนหน้าจอขึ้นมา
และหากต้องการกลับสู่การแสดงผลปกติ ก็เพียงแค่ใช้คีย์ Win + -? ก็จะเป็นการย่อให้ Windows กลับมาแสดงผลเป็นปกติ
เรียบร้อยเหมือนเดิม
เรียกใช้งาน Gadget
ได้อย่างรวดเร็ว
Gadget บน Windows
7 ให้ประโยชน์ในการทำงานของเราได้อย่างมาก เช่น ปฏิทิน
หรือว่านาฬิกา แต่ในขณะทำงานอยู่ มักจะไม่สะดวกที่จะต้องย่อหน้าต่างลงไป
ซึ่งหากเราต้องการเรียกใช้งาน Gadget อย่างปัจจุบันทันด่วน
เราสามารถเข้าถึง Gadget ได้อย่างรวดเร็วด้วยคีย์ Win+G
เพื่อให้ Gadget ขึ้นมาอยู่บนท็อปของหน้าต่างการทำงานปัจจุบันได้ทันที
ทำงานง่ายขึ้นด้วย
ALT คีย์
ใน Windows
7 สามารถใช้งานคีย์ลัด เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียกใช้งาน Windows
ได้อย่างมาก และ ALT ก็คือคีย์อเนกประสงค์อีกคีย์หนึ่ง
ที่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ทำงานร่วมกับ Windows ได้สะดวกขึ้น
เรียกใช้งานเมนูบาร์บน
Explorer
ด้วยฟังก์ชั่นพิเศษที่ไมโครซอฟท์เห็นว่ามันอาจจะเกะกะ
ก็เลยซ่อนเมนูบาร์ใน Explorer เอาไว้ซะ
ทำให้การปรับแต่งการทำงานต่างๆนั้นอาจจะไม่สะดวก
แต่เราสามารถเรียกเมนูบาร์ออกมาได้ง่ายๆ โดยกดปุ่ม alt หนึ่งครั้งก็จะเป็นการแสดงผลเมนูบาร์ขึ้นมา
และเมนูบาร์นี้จะถูกซ่อนเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเราไม่ได้ใช้งาน
เพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน
Explorer
ใน Explorer
ตัวล่าสุดของ Windows 7 เราสามารถใช้คีย์ลัด ALT
ร่วมกับคีย์ต่างๆ เพื่อให้ใช้งาน Explorer ได้ง่ายขึ้น
เช่น
ALT+UP เป็นการกระโดดไปยังโฟลเดอร์แรกสุดคือ
Desktop โดยอัตโนมัติ หรือย้อนกลับไปโฟลเดอร์รูท
หากว่าเราทำงานอยู่ในโฟลเดอร์ย่อยๆ ของโฟลเดอร์รูทนั้น
ALT + Right คือการไล่สเต็ปไปยังโฟลเดอร์
ที่เปิดขึ้นมาล่าสุด
ALT + LEFT คือการย้อนกลับไปทำงานยังโฟลเดอร์ก่อนหน้าโฟลเดอร์ปัจจุบัน
ALT +D เป็นการทำงานกับแอดเดรสบาร์ของพาธ
การทำงานปัจจุบัน
F4 เป็นการเรียกใช้งาน drop
down menu ของแอดเดรสบาร์
ALT+ENTER เป็นการเรียก
Properties ของไฟล์ที่เคอร์เซอร์กำลังถูกเลือกอยู่ในขณะนั้น
CTRL+mousewheel เป็นการเปลี่ยนขนาดของไอคอนใน
explorer
F11 เป็นการเปลี่ยนโหมดของ
explorerให้ทำงานในโหมด Full Screen
เรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นในโหมดของ
Windows Compatibility เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมเก่าได้
ปัญหาใหญ่ๆของการใช้งาน
Windows 7 ก็คือการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นเดิมๆ
ที่เคยใช้งานได้ใน Windows XP หรือว่า Vista ซึ่งหากเราเรียกใช้งานตรงๆ อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ Windows 7 จึงมีโหมดการทำงาน Windows Compatibility เพื่อให้นำแอพพลิเคชั่นเดิมๆที่สามารถเคยใช้งานได้ใน
Windows XP หรือ Vista ให้ใช้งานได้บน Windows
7 โดยการคลิกขวาที่ไอคอนของแอพพลิเคชั่นนั้นๆ จากนั้นเลือกที่ Properties
แล้วไปยังแท็บ compatibility mode และเลือก Run
this program in compatibility mode for ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าให้แอพพลิเคชั่นตัวนั้น
ทำงานในโหมดของ Windows เวอร์ชั่นไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น Windows
XP หรือว่า Windows 95 ก็ยังไหว โดยในโหมด compatibility
แนะนำว่าควรที่จะเลือก disable visual themes และ
desktop composition เอาไว้ด้วย
และหากว่าแอพพลิเคชั่นนั้นเป็นวิดีโอเกม ก็ควรที่จะเลือก Run this program
as an administrator เอาไว้ด้วย เพื่อที่ Windows 7 จะไม่ตั้งคำถามสำหรับคุณอีก
ใช้งาน Sticky
Notes เพื่อเตือนความจำ
แอพพลิเคชั่นหลายๆ
ตัวได้ถูกเติมเต็มเข้ามาใน Windows 7 นี้
เพื่อให้การทำงานของผู้ใช้นั้นง่ายขึ้น
โดยไม่ต้องไปหาโปรแกรมอื่นๆมาติดตั้งให้ยุ่งยากอีก เช่น Sticky Notes หรือ กระดาษเตือนความจำ ซึ่งให้เราสามารถโน้ตข้อความต่างๆ
วางไว้บนเดสก์ท็อปได้สะดวก โดยเราสามารถเรียกใช้งาน Sticky Notes จากการพิมพ์ notes ที่ช่อง Search ก็จะเป็นการหาแอพพลิเคชั่น Sticky Note ให้เราเองโดยอัตโนมัติ
และเราสามารถเปลี่ยนสีของกระดาษโน้ตได้ โดยการคลิกขวาที่ Sticky Note แล้วเลือกสีกระดาษโน้ตตามต้องการ? และหากต้องการเพิ่มกระดาษโน้ตก็สามารถคลิกที่เครื่องหมาย
+ บนกระดาษโน้ต และเมื่อต้องการปิดการใช้งาน Sticky Note ก็ให้กด
Alt+F4 ก็จะเป็นการปิดการทำงานลง
แต่จะเก็บข้อความทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งเมื่อเปิดการทำงานขึ้นมาอีก
ข้อความเดิมที่มีอยู่ก็จะปรากฏขึ้นมาเหมือนเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น